นี่คือ Faroe Islands ‘The land of Maybe’ ประเทศที่มีทิวทัศน์อันหลุดโลก ประเทศที่มีแกะเยอะกว่าผู้คน ประเทศที่ 10 นาทีเจออากาศไปแล้ว 4 ฤดู
15 ข้อควรรู้และเหตุผลว่าทำไมต้องไปหมู่เกาะแฟโร
1 - ถ้าพูดถึง ‘Faroe Islands’ พอพูดชื่อนี้หลายคนต้องสงสัยว่า มันอยู่ที่ใด? ซึ่งที่นี่เป็นประเทศค่ะ อยู่ทางตอนเหนือของทวีปยุโรป เป็นหมู่เกาะกลางมหาสมุทรแอตแลนติกที่อยู่ตรงกลางระหว่าง Iceland, Norway และ Scotland มี landscape ที่ดูเหมือนอยู่อีกดาวในจักรวาลมาก และมีความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
2 - ในดินแดนลึกลับแห่งนี้ ประกอบไปด้วยเกาะทั้งหมด 18 เกาะ เหมือนเป็นปริศนาจิ๊กซอว์ 18 ชิ้นที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางคลื่นทะเลของมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือและหมู่เกาะแฟโรนี้ เกิดขึ้นมาจากภูเขาไฟ 18 ลูกนั่นเอง
3 - จะยกให้เป็นที่ที่มีธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์ที่สุดอีกที่ก็ไม่ติด เพราะจุดเที่ยวไฮไลท์ต่าง ๆ แทบไม่เจอนักท่องเที่ยวแม้แต่คนเดียว วัน ๆ เจอกันอยู่แค่สองคน ไม่ก็ฝูงแกะที่น่าจะมีเยอะกว่า จำนวนประชากรทั้งประเทศตามความหมายของชื่อประเทศที่แปลว่าเกาะแห่งแกะ มีประชากรทั้งหมดประมาณ 50,000 คน บางหมู่บ้านก็มีชาวบ้านอยู่อาศัยไม่ถึง 20 คนเองค่ะ ทำให้เราสามารถดื่มด่ำ และชื่นชมความอัศจรรย์ของสิ่งที่เรียกว่า Mather of nature ได้แบบไม่ต้องแย่งใคร แถมด้วยอากาศที่แสนจะบริสุทธิ์ 100% นี่มันแทบจะเป็นสวรรค์แล้ว
4 - หมู่เกาะแฟโรอยู่ในเขตการปกครองตนเอง มีสภา กฎข้อบังคับต่าง ๆ เอง แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ ทางการทหารและการต่างประเทศยังขึ้นตรงต่อรัฐบาลเดนมาร์กอยู่
5 - Visa ต้องทำวีซ่าเชงเก้นจากสถานทูตเดนมาร์กเท่านั้นค่ะ เวลาไปขอแจ้งด้วยนะว่าจะเดินทางไปหมู่เกาะแฟโรค่ะ ก็จะได้วีซ่าเชงเก้นที่เขียนว่า valid to Faroe Islands นั่นเอง ออมนัททำวีซ่ากับ Worship Visa นะ ให้เค้าจัดการเอกสารต่าง ๆ ให้เราได้เลย ไม่ต้องเตรียมเองให้วุ่นวาย แค่เอาตัวไปวันยื่นก็ได้วีซ่าเรียบร้อย
Worship Visa รับทำวีซ่าทั่วโลก ใครจะเที่ยวที่ไหนติดต่อไปได้เลยค่ะ
ค่าบริการ วีซ่าเชงเก้น อยู่ที่ 3,000 บาท นอกนั้นก็จ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่าของแต่ละประเทศตามปกติค่ะ
ถูกที่สุด รวดเร็วที่สุด ได้คิวเร็วที่สุด ดูแลประทับใจมาก
- กรอกแบบฟอร์มวีซ่า
- จองนัดยื่นเอกสัมภาษณ์ ยื่นเอกสารด่วนสุด
- ทำจดหมายแนะนำตัว จดหมายเชิญ
ฟรี - จองตั๋วเครื่องบิน + โรงแรม พร้อมแพลนการท่องเที่ยว
ฟรี - แปลเอกสาร โดยผู้เชี่ยวชาญ
ฟรี ให้คำปรึกษาในทุกเรื่อง
วีซ่าออกทุกวัน ไม่ต้องกังวลเรื่องเอกสาร การันตีด้วยทีมงานมืออาชีพ
ปรึกษาฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง
โทรศัพท์: 092-3738336 / 062-9565251 / 062-5255758
LINE ID: worshipvisa / 0625255758
E-mail : worshipvisa@gmail.com
6 - วิธีการเดินทางไป Faroe Islands จะมีไฟลท์บินจากแค่ 7 เมืองในยุโรป หรือจะนั่งเรือข้ามคืนจาก 3 เมืองเล็กๆ ในยุโรปก็ได้แต่ใช้เวลาเดินทางนานมากค่ะ ซึ่งวิธีที่สะดวกที่สุดคือ ออมนัทบินจาก Copenhagen ประเทศเดนมาร์กใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมงค่ะ
7 - แนะนำให้ขับรถเที่ยวจะสะดวกที่สุดค่ะ ถ้าคิดจะนั่งบัสเที่ยวแล้วละก็ลำบากแน่นอน ทั้งเวลารถบัสและบาง stop ไม่เอื้อต่อการเที่ยว ฉะนั้นเช่ารถเท่านั้นค่ะ ราคามีหลากหลาย แต่ก็สูงอยู่ การขับรถไม่ยากค่ะ แทบจะไม่ค่อยเจอรถเลย ถนนทำดี จะมีบางที่เที่ยวจะเจอถนนเลนเดียว แต่เค้าก็จะมีจุดจอดข้างทางให้สวนกันได้ และการขับเที่ยวข้ามเกาะต่าง ๆ ใน Faroe Islands ก็มีอุโมงค์ใต้ทะเล สะพาน หรือเอารถขึ้นเรือข้ามเกาะเชื่อมต่อกันได้หมด
8 - สกุลเงินที่ใช้คือ Faroese króna DKK1 = ประมาณ 5 บาทไทย
9 - เที่ยวหมู่เกาะแฟโรช่วงไหนดี ที่นี่มีทั้งหมด 4 ฤดูค่ะ คือ
Spring ฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม - พฤษภาคม
Summer ฤดูร้อน มิถุนายน - สิงหาคม
Autumn ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายน - พฤศจิกายน
Winter ฤดูหนาว เดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์
10 - ด้วยที่ว่ามี landscape เว่อวัง ภาพของวิวภูเขาหญ้าสูงชัน มีน้ำตกจำนวนนับไม่ถ้วน ตัดสลับกับบ้านไม้หลังคามุงหญ้าที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของที่นี่ และการปลูกหญ้าบนหลังคานั่นก็ช่วยระบายอากาศได้ดีในหน้าร้อน เลยเป็นสวรรค์ของช่างภาพมากค่ะ เพราะไม่ว่าจะหันกล้องไปทางไหน ก็ได้ภาพที่สวยงามและแปลกไม่ซ้ำใคร
11 - มี hiking trail เยอะมากและติดอันดับโลกอีกที่หนึ่ง แต่ละที่ก็สามารถเดินไปชมจุดว้าว ๆ ได้แบบไม่ต้องออกแรงมาก
12 - อาหารการกิน ค่าครองชีพสูงเอาเรื่อง Supermarket หลักมีไม่เยอะออมนัทชอบเข้า Bonus มากกว่าค่ะของเยอะดี และสายแอลก็จะมีร้านขายแยกนะ และควรจองบ้านที่มีครัวทำอาหารกินเองได้จะประหยัดขึ้นค่ะ ราคาบ้านพักไม่ค่อยแรงนะ 2 คืนแรกออมนัทพักที่เกาะหลักที่ Vágar กับอีก 2 คืนไปนอนที่เกาะย่านใกล้ ๆ เมืองหลวง Tórshavn คืนละ 7,000.- หน่อย ๆ ค่ะ
13 - การเขียนแพลนเที่ยวไม่ค่อยยากค่ะ เพราะจุดถ่ายรูปก็เป็นตามที่เที่ยวไฮไลท์ต่าง ๆ เลย เที่ยวเป็นโซน ๆ เอาจะได้ไม่เสียค่าทางเชื่อมอุโมงค์หลายรอบ
14 - เรื่องอาหารการกิน ให้เตรียมเครื่องปรุงไทย น้ำพริก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โจ๊กซองไปด้วยก็ดีค่ะ เพราะอาหารราคาสูง เน้นทำอาหารที่พักจะประหยัดกว่า, ส่วนสายแอลจะมีร้านขายแยกโดยเฉพาะ ซุปเปอร์มาร์เกต ร้านขายของจะปิดทุกวันศุกร์เพราะคนบนเกาะเข้าโบสถ์กันค่ะ
15 - เตรียมเสื้อคลุมกันหนาว กันลมไปเผื่อด้วยน้า ในหนึ่งวันเราอาจจะได้เจอครบทุกสภาพอากาศค่ะ
รับรองว่าคนรักธรรมชาติต้องชอบมากแน่นอนค่ะ มันมีความ Pure Nature ที่แท้ทรู อยู่กับตัวเอง เทควิว สูดอากาศอันแสนจะบริสุทธิ์กันให้เต็มปอดได้เลย
แพลนทริปเที่ยว 4 คืน Faroe Islands ของออมนัทค่ะ
บอกก่อนว่าทริปนี้ตั้งใจไปพักผ่อน แบบสูดอากาศดูธรรมชาติ ไม่เร่งรีบ ใช้ชีวิตเรื่อย ๆ จะออกเที่ยววันละที่ 2 ที่ เท่านั้นค่ะ เลยแยกการเที่ยวเป็น 2 เกาะหลัก คือ 2 คืนแรกอยู่ที่เกาะ Vágar เป็นเกาะที่ตั้งของสนามบิน และอีก 2 คืนจะอยู่ที่เกาะเมืองหลวงอย่างเมือง Tórshavn
ออมนัทเดินทาง 21-25 มิถุนายนค่ะ จริง ๆ เป็นช่วงฤดูร้อน แต่บอกเลยว่าหนาวมาก ลมแรง ฝนตก แดดออก หมอกลง เจอทุกฤดูใน 1 วันของจริง ยังไงก็เตรียมเสื้อกันหนาวกันลมด้วยจะดีมาก ๆ ค่ะ
Day 1 : บินจากสนามบิน Copehegan > Vagar Airport > เข้าที่พัก
Day 2 : Gasaladur, Múlafossur Waterfall
Day 3 : Drangarnir > Bøur > Tórshavn
Day 4 : Saksun Village , Fossá Waterfall
Day 5 : Vagar Airport > Copenhagen
ค่าใช้จ่ายทั้งทริป
ตั๋วเครื่องบิน CHP-FAE 14,000 บาท/คน
รถเช่า 5 วัน + ประกัน DKK4,014 (21,275 บาท)
ค่าเข้าอุโมงค์เชื่อมเกาะ DKK100 (530 บาท)
ค่าทัวร์ Drangarnir DKK960/คน (9,880 บาท)
ที่พักเกาะ Vagar DKK2,127.65 (11,300 บาท) ทางไปจองที่พัก > คลิ๊กที่นี่
ที่พัก Airbnb เกาะหลัก 14,660 บาท
น้ำมัน 1,225 บาท
Supermarket 3,200 บาท
เครื่องดื่ม 4,261 บาท
รวมทั้งหมด (2 คน) 88,579 บาท
------------------------------------------------------------------
Day 1 : Vagar
ออมนัทเดินทางจากเมือง Copehagen ประเทศเดนมาร์กค่ะ ใช้เวลาประมาณ ค่าตั๋วเครื่องบิน 14,000/คน (ไป-กลับ) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ แนะนำให้นั่งฝั่งซ้ายนะ ได้มองวิวจากหน้าต่างสวยมาก
ทางไปจองรถเช่าราคาถูก > คลิ๊กที่นี่
เมื่อถึงสนามบินออกจากประตูแล้วให้เลี้ยวซ้ายค่ะ เคาท์เตอร์รถเช่าต่าง ๆ ที่อยู่ที่นี่หมดเลย ออมนัทเช่ารถ ทั้งหมด 5 วัน
การขับรถเที่ยวเกาะแฟโรออมนัทจะแบ่งเป็นสองช่วงค่ะ ครึ่งแรกจะเที่ยวบนเกาะ Vagar และอีกครึ่งหลังจะเที่ยวบนเกาะเมืองหลวงอย่าง Torshavn ค่ะ
พอแลนด์ถึงหมู่เกาะแฟโรปุ๊ป ฟ้าก็มืดครึ้มทั้งครึ่งบ่ายเลยค่ะ ออมนัทเลยเข้าซุปเปอร์มาร์เกตซื้อของสดแล้วเข้าเช็คอินที่บ้านพักบนเกาะ Vagar Island เลยค่ะ
บ้านที่เราจอง 2 คืนแรกเป็นแบบ Apartment เลยค่ะ น่ารักมาก สีขาวไม้ สะอาด เตียงนุ่ม ฮิตเตอร์อุ่น มีทีวจอใหญ่ดูหนังฟังเพลงมี Netflix มุมโต๊ะทานอาหาร ครัวที่มีอุปกรณ์ครบครันและเครื่องซักผ้า ในราคา DKK2,127.65 (รวมภาษีแล้ว) ตกคืนละ 5,000 บาทเอง ชอบมาก ดีมาก แนะนำเลย
ทางไปจองที่พัก > คลิ๊กที่นี่
ข้าวของในซุปเปอร์ราคาค่อนข้างสูงเลยค่ะ อย่างเนื้อ 2 ชิ้นประมาณ์ 650 บาท หรือผักสดก็หลักร้อยบาทเลยค่ะ ส่วนใครสายดื่มจะเป็นร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะเลยค่ะ และทุกวันศุกร์ตามร้านต่าง ๆ จะปิดนะคะ เนื่องจากคนท้องถิ่นจะเข้าโบสถ์ทุกวันศุกร์ค่ะ
Day 2 : Gasaladur, Múlafossur Waterfall
วันนี้เราจะเริ่มเที่ยวกันแล้วค่ะ ขับตรงไปที่เมือง Gasaladur ค่ะ
ขับรถมาจนสุดทางถนนถึงหมู่บ้าน จะมีที่จอดรถอยู่ เพื่อน ๆ สามารถเดินเล่นรอบหมู่บ้านเสพวิวได้ตามสบายเลย
Múlafossur Waterfall
เป็น hi-light ที่ไปถึงง่ายที่สุดแล้วในบรรดาที่เที่ยวต่าง ๆ ในเกาะแฟโร และยังเป็นน้ำตกสัญลักษณ์ของที่นี่อีกด้วยนะ จากที่จอดรถเดินเข้าไปประมาณ 400 เมตร ผ่านประตูเข้าไปนิดเดียวก็ถึงจุดชมน้ำตกและมุมถ่ายรูปยอดอิตแล้วค่ะ ซึ่งบอกเลยว่าออมนัทไม่เจอใครเลยนอกจากเราสองคนและธรรมชาติแบบโคตรจะ 100% นั่นเลยทำให้มีเวลาดื่มด่ำมันแบบเต็มที่
และด้วยความโดดเด่นที่มีน้ำเพียงแค่สายเดียวไหลจากผาลงสู่ทะเล พร้อมหมู่บ้านน้อย ๆ อยู่หลังน้ำตก และฉากหลังเป็นภูเขาสูงสีเขียวเหมือนแต่งสีภาพมาแล้ว มันเกินจริงไปมากทุกค๊นนน
Day 3 : Drangarnir > Bøur > Tórshavn
วันนี้เราจองทริป Boat tour ที่พาไปอีกหนึ่งจุดไฮไลท์แบบง่ายที่สุด สบายที่สุดเพียงแค่ใช้เงินแก้ปัญหาสำหรับสายขี้เกียจอย่างเรานั่นเองค่ะ เพราะถ้าปกติก็จะต้องเดิน Trails เป็น 10 กิโลเมตร (สำหรับใครชอบเดินก็จะดีไปอีกแบบตรงที่เราได้ให้วิวตามทางสวยๆไม่ซ้ำใคร แต่ต้องมีการจองและ bokking ให้ไกด์พาเดินเท่านั้นนะ ไม่สามารถเดินดุ่ม ๆ เข้าไปได้ค่ะ)
Boat tour ที่ออมนัทจองชื่อว่า : Exciting 2 Hour Combined Boat Tour & Hike to Drangarnir เวลา 11:00น.-13:00น. ประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ (ราคา 960DKK/คน)
Drangarnir
หินรูปทรงหัวตัดสุดประหลาดหลุดโลกที่โผล่มากลางทะเล เป็นอีกหนึ่งภาพที่ทำให้ออมนัทอยากมาที่นี่
Bøur Village
เป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ ที่โดดเด่นด้วยบ้านที่มุงหลังคาด้วยหญ้า มีภูเขา Drangarnir และ Tindhólmur (ที่เราไป Boat tour มา) เป็นฉากด้านหลัง พร้อมกับวิวทะเล สามารถจอดรถที่หมู่บ้านแล้วเดินชมวิว ถ่ายรูปได้ค่ะ
แวะถ่ายรูปที่ Bour Village เสร็จช่วงเย็นก็ขับรถข้ามเกาะมายังเกาะของเมืองหลวง Tórshavn กันค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ผ่านอุโมงค์ใต้ทะเล
ที่พักอีก 2 คืน ออมนัทพักที่หมู่บ้าน Velbastaður ใกล้ ๆ กับตัวเมือง Tórshavn 10 นาทีเองค่ะ
เลือกที่นี่เพราะชอบออกห่างตัวเมืองหน่อย จะได้ไม่วุ่นวายมาก และวิวจากที่พักก็สวยมากเช่นกัน
Day 4 : Saksun, Fossá
วันนี้จะขับรถมุ่งหน้าขึ้นเหนือ ระยะทางจาก Tórshavn ถึง Saksun ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนิด ๆ ค่ะ ขับเส้นถนน Oyggjarvegur หมายเลข 50 เลยค่ะ
ระหว่างทางก็จะผ่านอ่าว Kaldbaksbotnur แวะจอดรถชมวิวอ่าว ถ่ายรูปได้เลย เห็นออมนัทมั้ย ตัวจิ๋วมาก ธรรมชาติเค้ายิ่งใหญ่จริง ๆ ค่ะ
ระหว่างทางก็คือร้องว้าวตลอด มันเป็นภาพ Lanscape ทีฟิลเหมือนเราหลุดออกไปอยู่อีกโลก น้ำตกไหลลงสู่ทะเลนับไม่ถ้วน ภูเขาหญ้าสีเขียวแบบเหมือนแต่งสีรูปมาแล้ว หินผาที่ตัดสลับเขาสูง
Fossá Waterfall
ขับตรงมาตามทางถนนเส้นเดียวที่ค่อนข้างแคบหน่อยเพราะมีเลนเดียว ก็จะเจอกับ Fossá Waterfall เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดใน Faroe Islands ค่ะ
สำหรับกระเป๋าที่ใช้ใส่ Laptop ตลอดทริป หยิบจับเอาออกมาใช้งานง่าย ออมนัทใช้ของ Pacsafe ขึ้นชื่อเรื่องความอึด ถึก ทนกันรวยขีดข่วนและกันการกรีดล้วงกระเป๋าจากแก๊งค์โจรได้ แล้วที่ชอบคือรุ่นนี้ ใส่ Macbook ขนาด 16 นิ้ว และ iPad Pro 12 นิ้ว ได้แบบพอดี ยังไงก็เป็นกระเป๋าแบรนด์โปรดที่ออมนัทใช้มาเองไม่รู้กี่รุ่นแล้วค่ะ
Saksun
เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนไหล่เขา มีน้ำตกขนาดใหญ่อยู่รอบ ๆ โอบล้อมไปด้วยภูเขาสูง ตรงหน้าเป็นอ่าวที่มีหาดทรายดำ พร้อมกับช่องเขาเล็ก ๆ ไปสู่สหามุทร ที่ห่างไกลผู้คน เพราะการจะเข้าไปที่หมู่บ้านนี้ มีเส้นทางเดียวเท่านั้น และเป็นถนนเลนเดียวนะ ระหว่างขับเข้าถ้าเจอรถสวนมาให้หลบตามไหล่ทาางที่เค้าทำไว้
ในหมู่บ้านจะมี Saksunar Kirkja เป็นโบสถ์สีขาวเล็ก ๆ มีความสำคัญและเก่าแก่มาก
และนี่คือภาพของหมู่บ้าน Saksun อันโด่งดังอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ออยากมาให้เห็นกับตา แล้วตอนออมนัทไปหมอกกำลังลง ตัดกับภูเขา มีน้ำตกไหลจากผาสูง บ้านไม้เก่าแก่มุงหลังคาด้วยหญ้า โอ้โหนี่มันภาพเหมือนฝันสุด ๆ
Day 5 : Tórshavn > Vagar Airport > Copehegan
ก่อนกลับไปสนามบินก็แวะมาเดินเล่นในเมืองหลวงสักหน่อยค่ะ ซึ่งตามชื่อของเมือง แปลได้ว่าเป็นท่าเรือของเทพเจ้าธอร์นั่นเอง และด้วยจำนวนประมาณ 17,000 คน ทำให้ Tórshavn เป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่เล็กที่สุดในยุโรป
บ้านเรือนและตึกแถวที่มีสีสันสวยงามเรียงรายริมท่าเรือก็จะได้ฟิลคล้ายๆ กับ Nyhavn ในเมือง Copenhagen ที่เรากำลังจะไปเลย
תגובות