top of page

Jeju in Summer ขับรถเที่ยวเกาะเชจู กับ 21 ที่เที่ยวซัมเมอร์นี้สวยมาก

อัปเดตเมื่อ 1 ต.ค.

แจกแพลน Roadtrip เกาะเชจู ช่วงพีคซีซั่น! ทะเลใส สีฟ้าสด อากาศดี ไม่มีฝน แต่งตัวซัมเมอร์ ใส่เดรส ขนบิกินีแบบจัดเต็มได้เลย

สายทะเลอย่างเราก็ต้องตามเก็บทะเลให้ได้ทั่วโลก ทริปนี้เลยอยากจะไปดูฮาวายของคนเกาหลีที่เกาะเชจูกัน ซึ่งทริปนี้ออมนัทเลยแพลนอยากจะ Roadtrip ขับรถเที่ยวรอบเกาะกัน 6 วันเต็มค่ะ เริ่มต้นเดือนสิงหาคมนี้กำลังเข้าสู่ Summer และเป็นช่วงพีคของทะเลที่นี่เลย เกาะเชจูถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เปรียบเสมือนฮาวายแห่งกาหลีใต้ โดยถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติอีกด้วย แถมเป็นช่วงที่ทะเลเกาะเชจูสวยและใสที่สุดแล้วค่ะ ตามออมนัทไปเก็บลิสที่เที่ยว มุมปัง ๆ ร้านอาหารริมทะเล คาเฟ่น่ารัก ๆ และหมูดำย่างของขึ้นชื่อต้องกินให้ได้


เริ่มต้นเดือนสิงหาคมนี้ Jeju กำลังเข้าสู่ Summer และเป็นช่วงพีคของทะเลที่นี่เลย ทะเลใส สีฟ้าสด อากาศดี ไม่มีฝน แต่งตัวซัมเมอร์ ใส่เดรส ขนบิกินีแบบจัดเต็มได้เลย

ครั้งนี้ออมนัทได้ Roadtrip เที่ยวรอบเกาะกัน 6 วันเต็มค่ะ เกาะเชจูถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เปรียบเสมือนฮาวายแห่งกาหลีใต้ โดยถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติอีกด้วย ตอนนี้เปิดให้ไปเที่ยวได้แล้วแบบไม่ต้องใช้ K-ETA แถมเป็นช่วงที่ทะเลเกาะเชจูสวยและใสที่สุดแล้วค่ะ ตามออมนัทไปเก็บลิสที่เที่ยว มุมปังๆ ร้านอาหารริมทะเล คาเฟ่น่ารัก ๆ และหมูดำย่างของขึ้นชื่อที่พลาดไม่ได้


แพลนทริป Jeju summer [เดินทางเดือนสิงหาคม]

Day 1 01 Uni Hotel Aewol 02 Hagalbi Black Pork BBQ (ร้านหมูดำย่างริมทะเลหาดเอวอน)

Day 2 03 Noraba (ร้านรามยอนซีฟู้ดเจ้าดัง) 04 Hyeopjae Beach 05 Geumneung Beach 06 La Beauty Jeju Pension 07 Sinchang Windmill Coastal Road (กังหันลม)

Day 3 08 Square Bay Hotel 09 Hyeopjae Meal 10 Innisfree House Jeju

Day 4 11 Brownsuites Jeju 12 목화휴게소 (ร้านปลาหมึกย่างบนหินภูเขาไฟ) 13 Mint Cafe (Seopjikoji)

Day 5 14 Kapeli Cafe (คาเฟ่น้องแมวดำ) 15 Jejunyang Cafe (คาเฟ่น้องแมวสามสี) 16 Woljeongri Beach 17 Gimnyeong Beach 18 Check inn Hotel Jeju 19 Dongmun Market 20 Chilsungro Shopping Town 21 Black Pork Street


จริง ๆ เค้ามีทัวร์เที่ยวเกาะเชจูด้วยนะ ใครอยากไปสอบถามกับ True World Travel ได้เลย เป็นทัวร์เจ้าเดียวที่มีบินตรงจากกทม. > เกาะเชจู พาไปเที่ยวสถานทีไฮไลท์ของเกาะเชจู เค้ามีแพลนเที่ยวหลายแบบ หลายวัน เลือกตามที่เหมาะกับเราได้เลยจ้า ลองเข้าไปสอบถามดูน้า


Day 1

เริ่มต้นการเดินทางไฟล์ทบินเรามาถึงเกาะเชจูกันตอน 10 โมงเช้าค่ะ รับรถแล้วก็ขับมาเช็คอินเข้าที่พักคืนแรกกันเลย Uni Hotel Aewol Jeju ที่พักคืนแรกเราอยู่ที่ย่านหาดเอวอน


แอบงีบกีนช่วงกลางวันให้หายเหนื่อย ตอนเย็นออมนัทขับรถมาที่ Hagalbi Black Pork BBQ เป็นร้านหมูดำย่าง ริมทะเลหาดเอวอน หน้าหาดตรงนี้จะมีคาเฟ่ ร้านอาหารเรียงรายอยู่ริมทะเลเยอะมากค่ะ แนะนำมาช่วงเย็น ๆ จะได้นั่งกินพร้อมกับดูวิวพระอาทิตย์ตกสวย ๆ แบบนี้

มาถึงเกาะเชจู มื้อแรกก็ต้องจัดเป็น หมูดำย่าง หน่อยค่า ของขึ้นชื่อเลยนะ หมูดำจะมีเพียงแค่ในเกาะเชจูเท่านั้นค่ะ บรรยากาศดีแต่ราคาสูงใช้ได้เลยค่ะ มื้อนี้ออมนัทสั่งเป็น เนื้อหมูดำ 5 ชั้น 2 แพ๊ค, คอหมูดำ 1 เครื่องดื่มนิดหน่อย [ รวม 118,750 วอน ประมาณ 3,000 บาท ]

พระอาทิตย์ตกสวยมากค่ะเย็นนี้ เป็นการจบวันแรกได้อย่างอิ่มเอมใจสุดๆ



Day 2

เริ่มการเดินทางอย่างจริงจังแล้ว ก่อนที่เราจะขับเลียบหาดต่อไป แวะทานร้านรามยอนเจ้าดังกันที่ Noraba เป็นร้านรามยอนซีฟู้ดเจ้าดังค่ะ ออกรายการในเกาลีเยอะมาก ๆ มาถึงแล้วก็ขอลองหน่อย

วิธีการสั่งอาหารให้เดินไปที่เคาท์เตอร์แล้วเลือกเมนูแล้วจ่ายเงิน แล้วเลือกโต๊ะนั่งได้เลยค่ะ เมนูจะเป็นรามยอนซีฟู้ดสดต่าง ๆ ซึ่งบอกเลยว่าสดมาก ทั้งปลาหมึก 1 ตัว ปู 1 ตัว หอยแมลงภู่ และหอยเป๋าฮื้อยังดิ้น ๆ อยู่ในหม้อเลย เสิร์ฟมาหม้อใหญ่แบบนี้ กินได้ 2 คนเลยนะ สั่งข้าวกล่องมากินคู่กันอร่อยเลยค่า

แนะนำให้มาร้านนี้อีกเสียงค่ะ รามยอนอร่อยเส้นดี น้ำซุปเข้มข้น สั่งระดับความเผ็ดได้ ซีฟู้ดเยอะมาก สดจริง และมีที่นั่งเยอะค่ะ ทั้งในห้องแอร์ outdoor หรือบนชั้นดาดฟ้าแบบนี้

ราคา 17,910 วอน (ประมาณ 470 บาท)


Hyeopjae Beachาดที่โด่งดังที่สุดในเกาะเชจูเลยค่ะ ชายหาดกว้าง ทรายสีขาว น้ำทะเลใส คนเกาหลีนิยมมาเล่นน้ำทะเลกันมาก


Geumneung Beach ขับมาอีกนิดติดกันก็จะเป็นหาด Geumneung ต้องบอกเลยว่าคนเกาหลีเค้าจริงจังกับการมาชายหาดมากเลยนะ สังเกตุเลยว่าขนอุปกรณ์ ตั้งแคมป์ กันมาแบบจัดเต็ม หาดนี้ก็สามารถมา Camp ground นอนได้อีกด้วย

ออมนัทก็เอาชุดมาเปลี่ยนลงเล่นน้ำกันบ้าง ชิวมากนะ ทะเลเค้าใสเว่อ และขาวเว่อ (อันนี้หมายถึงหนุ่มๆสาว ๆ ที่นี่อะ ฮ่า ๆ )


เย็นนี้ก่อนเข้าที่พักออมนัทมาแวะเส้นถนนเลียบหาด Sinchang Windmill Coastal Road อีกหนึ่งจุดเช็คอินที่ห้ามพลาด มาเดินเล่น ชมวิวทะเลกันที่นี่ได้เลย พระอาทิตย์ตก บรรยากาศดีมาก มากๆๆๆๆ ยิ่งช่วงเย็นอากาศกำลังสบาย ดีสุดๆ

หามุมนั่งชิว ถ่ายรูปกันจนพระอาทิตย์หมดเลยค่ะ

ที่นี่พระอาทิตย์จะตกประมาณ 2 ทุ่มเลย

ที่พักคืนที่ 2 ชื่อว่า La Beauty Jeju Pension


Day 3

ขับรถย้อนกลับมาแถวหาด Hyeopjae Beach ค่ะ ออมนัทเสิร์ชเจอร้านอาหารเจ้านึงคือน่ากินมาก เลยตัดสินใจมาลองกันดู

Hyeopjae Meal เป็นร้านเล็ก ๆ ที่อยู่ติดกับชายหาด บรรยากาศดีเหมือนเดิม อาหารแบบกึ่ง ๆเกาหลีปนญี่ปุ่น มีเมนูไม่มากเน้นข้าวปั้นหน้าซีฟู๊ดต่าง ๆ

และนี่คือสิ่งที่ดึงดูดเรามาร้านนี้ค่ะ คือซูชิแถวยาวเบอร์นี้เลย ด้านบนเป็นหอยเป๋าฮื้อ และแถวล่างคือปลาดาบ อิ่มแบบจุก ๆ ไปเลยมื้อนี้


Innisfree House Jeju มาถึงเกาะเชจูก็ต้องไปไร่ชาเขียวค่ะ บริเวณจะเป็นที่ปลูกชาขนาดใหญ่ที่สุดของเกาะ ออมนัทเลือกมาที่คาเฟ่ของ Innisfree มาช้อปปิ้ง skincare ตัวดังสักหน่อย มุมนี้ก็อยู่บริเวณคาเฟ่เลยน้า


เดินเข้ามาในคาเฟ่ มีเมนูเยอะมากค่ะ เลือกชิมตามชอบได้เลย ออมนัทลองสั่งเป็นเค้กชาเขียวรูปภูเขาฮอลัดซาน น้ำส้มจากเกาะเชจู และครีมชีสงาดำรูปหินภูเขาไฟนั่นเอง ทั้งหมดนี้ 23,800 won (ประมาณ 650 บาท)


ที่พักคืนที่ 3 ของเรSquare Bay ขอเล่าก่อนว่าเป็นที่พักที่ติดต่อยากมาก เพราะว่าคนเกาหลีเค้าจะชอบพักกันแบบ Pension (บ้านหลัง ห้องพักชิค ๆ ต่าง ๆ ) ซึ่งที่พักเหล่านี้เนี่ยเค้าก็จะมีช่องทางการจองเฉพาะของเค้า (ที่มีแต่ภาษาเกาหลีเท่านั้น) แต่ด้วยความที่ออมนัทอยากหาที่พักสวย ๆ สักคืน เปิดดู instagram เจอที่นี่ เลยกดเข้าไปที่ลิ้งค์เปิดกูเกิลแปลภาษาช่วยชีวิตในการเข้าไปถึงช่องทางติดต่อจนไปเจอการคุยผ่าน kakao talk เลยได้คุยกับเจ้าของโดยตรง ซึ่งก็ต้องใช้แปลภาษาคุยกับเค้า จนจองได้ โดยต้องจองผ่านการโอนเงินต่างประเทศนะทุกคน ขอข้อมูล bank ของเค้าให้ครบ (ค่อย ๆ ทำตามขั้นตอน) ในที่สุดก็จองได้และได้พักสมใจอยาก ฮ่า ๆ

ที่นี่มีทั้งหมด 8 ห้องเท่านั้น ซึ่งไม่มี lobby นะ จะเข้าพักจะส่งรหัสเข้าประตูให้เราหมดทุกอย่างผ่าน kakao talk ห้องนี้เบอร์ 203 คืนละ 230,000 won (6,150 บาท) ราคาแต่ละช่วงไม่เท่ากันนะ


ช่วงเย็นนี้เราเลยนั่งชิวอยู่ที่พักชมวิวพระอาทิตย์ตกได้จากในห้องเลย


Day 4

วันนี้เราขับรถยาวหน่อย จากฝั่งซ้ายสุด ไปจนถึงฝั่งขวาสุดของเกาะ จะใช้เวลาประมาณเกือบ 4 ชั่วโมงค่ะ คืนนี้เราพักที่โรงแรม Brownsuites Jeju

ร้าน 목화휴게소 มีคนเกาหลีแนะนำมาให้ไปลองทานปลาหมึกย่างริมทะเล เค้าจะนำปลาหมึกไปย่างบนหินภูเขาไฟแบบนี้เลย

ตัวใหญ่มาก สั่งมาตัวเดียวก็กินได้สองคนละค่ะ ตัวละ 6,000 won (160 บาท)


เดินถ่ายรูปรัว ๆ เลย ปลาหมึกตัวใหญ่จริง ๆ แต่ถามว่าอร่อยมากมั้ย ก็ปกตินะ ปลาหมึกเค้าจะเนื้อแน่น ๆ ใครจะมาทานก็แนะนำเอาน้ำจิ้มซีฟู้ดมาด้วยจะดีมากค่ะ เพราะน้ำจิ้มที่เค้าให้มาคือ ketup และมายองเนส ซึ่งไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่

กิมมิคของที่ร้านคือปลาหมึกที่ตากเรียงรายเต็มราวริมทะเลแบบนี้ เราก็จะได้นั่งทานปลาหมึกย่างไปชมวิวไป เก๋ดี


กลับเข้าที่พักแล้วออกมาโซนแหลSeopjikoji กันค่ะ เราจะมาเดินเล่นชมวิว กินบรรยากาศกันแถวนี้ ที่จริง seopjikoji coast walk ทั้งแหลมนี้สามารถเดินเล่นได้ทั้งหมดเลยนะกว้างมาก จะมีทั้งโรงแรมหรู สถานที่ที่มีชื่อเสียงอย่าง seopjikoji lighthouse, Jeju Aquarium หรือคาเฟ่ชื่อดังอย่าง Mint Cafe ที่เรากำลังจะพาเพื่อน ๆ ไปกัน

Mint Cafe (Seopjikoji) แนะนำให้มาจอดตรงฝั่งซ้ายของแหลมนี้นะคะ ตรงทางแยกที่เข้าสู่อควาเรียมเราก็ขับชิดซ้ายตรงมาเรื่อยๆจนสุดทางเลย สามารถเดินขึ้นไปคาเฟ่ได้ใกล้ที่สุด

ระหว่างทางเดินไปคาเฟ่ก็ชมวิวไปเรื่อยๆ มีน้องม้ามาเล็มหญ้ากันตามทาง


และนี่คือไฮไลท์ของคาเฟ่ Mint Cafe ค่ะ นอกจากบริเวณคาเฟ่กระจกที่สามารถนั่งชมวิวมุมสูงได้แล้ว ตรงมุมชิงช้าตรงนี้ก็สวยมากๆเลยค่ะ มองเห็นภูเขาไฟซองซาน Seongsan Ilchulbong ขนาดใหญ่แบบนี้เลย



Day 5

วันนี้เราจะขับเข้าตัวเมืองเชจูกันค่ะ ระหว่างทางก็จะขับเส้นเลียบชายหาดไปเรื่อย ๆ มื้อเที่ยงนี้อีกหนึ่งเมนูที่ห้ามพลาดเมื่อมาเกาะเชจูนั่นก็คือปลาดาบย่างนั่นเองค่ะ เนื้อนุ่มมาก หอมมาก ทานหมดเกลี้ยงทั้งตัวเลยค่ะ


Kapeli Cafe ปักหมุดไปคาเฟ่น้องแมวดำกัน ทนต่อความน่ารักของคาเฟ่ที่มีน้องแมวเป็นพระเอกหลักของร้านแบบนี้ไม่ไหว ต้องแวะมาก่อนเข้าเมืองเชจูกันวันนี้ค่ะ

จากเป็นคนไม่ค่อยเข้าคาเฟ่นักตอนอยู่ไทย พอมาเกาหลีไม่เข้าไม่ได้เลย แต่ละร้านตกแต่งน่ารักมาก มี concept, mood tone ดีทุกร้านเลย

ย่านคาเฟ่แถวนี้ที่ออมนัทมาเค้าจะโด่งดังในเรื่องของแครอทค่ะ เมนูส่วนใหญ่ทำจากแครอท ร้านนี้ขนมโฮมเมดด้วย อร่อยมาก

และนี้คือเจ้าของร้านค่ะ เดินมาโชว์ตอนที่เรากำลังออกจากร้านพอดี ตุ้ยน่ารักมาก


Jejunyang Cafeปต่ออีกร้านที่ทาสแมวห้ามพลาด อยู่ตรงข้ามกับคาเฟ่เมื่อกี้ คือคาเฟ่น้องแมวสามสีนั่นเอง

ภายในร้านก็จะตกแต่งเป็นโทนสีเหลืองครีม ในเข้ากัสีของน้องแมวสามสี แต่โชคไม่เข้าข้างไปเดินตามหาเจ้าของร้านตัวจริงไม่เจอ ในร้านมีของขายน่ารักปุ๊กปิ๊กเต็มไปหมด ทางเราก็ช้อปเลยค่ะเพราะออมนัทมีเจ้านายเป็นแมวสามสี


Woljeongri Beach เป็นหาดฝั่งพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ ทางฝั่งนี้ก็มีหาดโด่งดังถึง 3 ที่ ซึ่งจริงๆทุกๆมุมของเกาะสามารถตั้งแคมป์นอนชิวริมหาดได้ทั้งเกาะ มุมนี้หาไม่ยาก เห็นเจ้ากังหันลมที่ตั้งเดี่ยวๆอยู่ติดหาดถือว่าใช่ จอดรถตรงนั้นแล้วเดินลงมาถ่ายได้เลยนะ


Gimnyeong Beach ขับเลียบหาดต่อมาเรื่อย ๆ ก็จะเจออีกหาดที่ชายหาดสีขาวน้ำทะเลาน่าเล่นสุดค่ะ


คนเกาหลีคือสู้ไม่ถอยมากกับการมาชายหาด เห็นเลยอะว่าแต่ละหาดที่ออมนัทไป คนเยอะมากตั้งแต่เช้าถึงเย็นเลยค่ะ เค้านิยมตั้งเต็นท์ริมหาด ปักหลักกันทั้งวัน ทะเลดีแบบนี้ก็น่ามานั่งแช่จริง ๆ แหละ



กลับเข้าถึงตัวเมืองเชจูในช่วงเย็นค่ะ เก็บของเข้าโรงแรม แล้วมาเดินเล่นกันแถว Chilsungro Shopping Town ค่ะ ย่านช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดใจกลางเมือง ใครสายช้อปก็มาเลย ละลายเงินในกระเป๋าได้ดีสุด ๆ แถวนี้ก็สามารถเดินไปตลาดงมุนได้นะ


Black Pork Street คืนนี้มื้อสุดท้ายก่อนกลับไทย หมูย่างคือคำตอบค่ะ นี่คือถนนที่เต็มไปด้วยร้านหมูดำย่างอันขึ้นชื่อเรียงรายเต็มไปหมด เลือกกินได้เลยค่ะอิ่มจุก ๆ นอนหลับฝันดีแน่นอน


เกาะเชจูครั้งที่สองของออมนัทครั้งนี้ประทับใจ เวลาแต่ละวันหมดไปเร็วสุด ครั้งแรกเมื่อก่อนโควิดเรามากันช่วงฤดูหนาวที่นี่ก็จะเต็มไปด้วยหิมะ ส่วนครั้งนี้มาช่วงซัมเมอร์ แดดดี ไม่มีฝน ทะเลสีฟ้าสด เที่ยวสบายมาก และเชื่อว่าจะกลับมาอีกแน่นอน เพราะยังมีอีกหลายที่ที่ยังไม่ได้ไป เป็นเมืองที่น่ารัก เต็มอิ่มกับธรรมชาติ ไม่วุ่นวายเท่าตัวเมือง ใครที่ชอบเสพธรรมชาติแบบออมนัทก็ตามรอยมาได้เลยน้า ความน่ารักของเกาะเชจูแบบนี้อยากให้เพื่อน ๆ มาสัมผัสด้วยตัวเอง






ดู 118 ครั้ง

Comments


ABOUT US
profile.jpg

Om & Nut

Welcome to our blog guys! Let's explore luxury hotel destination around the world with us. We love traveling and sharing stories about couple goals together with beautiful scenic photography and video. 

EXPLORE THE WORLD
POPULAR
bottom of page