แจกแพลน Roadtrip เกาะเชจู ช่วงพีคซีซั่น! ทะเลใส สีฟ้าสด อากาศดี ไม่มีฝน แต่งตัวซัมเมอร์ ใส่เดรส ขนบิกินีแบบจัดเต็มได้เลย
สายทะเลอย่างเราก็ต้องตามเก็บทะเลให้ได้ทั่วโลก ทริปนี้เลยอยากจะไปดูฮาวายของคนเกาหลีที่เกาะเชจูกัน ซึ่งทริปนี้ออมนัทเลยแพลนอยากจะ Roadtrip ขับรถเที่ยวรอบเกาะกัน 6 วันเต็มค่ะ เริ่มต้นเดือนสิงหาคมนี้กำลังเข้าสู่ Summer และเป็นช่วงพีคของทะเลที่นี่เลย เกาะเชจูถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เปรียบเสมือนฮาวายแห่งกาหลีใต้ โดยถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติอีกด้วย แถมเป็นช่วงที่ทะเลเกาะเชจูสวยและใสที่สุดแล้วค่ะ ตามออมนัทไปเก็บลิสที่เที่ยว มุมปัง ๆ ร้านอาหารริมทะเล คาเฟ่น่ารัก ๆ และหมูดำย่างของขึ้นชื่อต้องกินให้ได้
เริ่มต้นเดือนสิงหาคมนี้ Jeju กำลังเข้าสู่ Summer และเป็นช่วงพีคของทะเลที่นี่เลย ทะเลใส สีฟ้าสด อากาศดี ไม่มีฝน แต่งตัวซัมเมอร์ ใส่เดรส ขนบิกินีแบบจัดเต็มได้เลย
ครั้งนี้ออมนัทได้ Roadtrip เที่ยวรอบเกาะกัน 6 วันเต็มค่ะ เกาะเชจูถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เปรียบเสมือนฮาวายแห่งกาหลีใต้ โดยถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติอีกด้วย ตอนนี้เปิดให้ไปเที่ยวได้แล้วแบบไม่ต้องใช้ K-ETA แถมเป็นช่วงที่ทะเลเกาะเชจูสวยและใสที่สุดแล้วค่ะ ตามออมนัทไปเก็บลิสที่เที่ยว มุมปังๆ ร้านอาหารริมทะเล คาเฟ่น่ารัก ๆ และหมูดำย่างของขึ้นชื่อที่พลาดไม่ได้
แพลนทริป Jeju summer [เดินทางเดือนสิงหาคม]
Day 1 01 Uni Hotel Aewol 02 Hagalbi Black Pork BBQ (ร้านหมูดำย่างริมทะเลหาดเอวอน)
Day 2 03 Noraba (ร้านรามยอนซีฟู้ดเจ้าดัง) 04 Hyeopjae Beach 05 Geumneung Beach 06 La Beauty Jeju Pension 07 Sinchang Windmill Coastal Road (กังหันลม)
Day 3 08 Square Bay Hotel 09 Hyeopjae Meal 10 Innisfree House Jeju
Day 4 11 Brownsuites Jeju 12 목화휴게소 (ร้านปลาหมึกย่างบนหินภูเขาไฟ) 13 Mint Cafe (Seopjikoji)
Day 5 14 Kapeli Cafe (คาเฟ่น้องแมวดำ) 15 Jejunyang Cafe (คาเฟ่น้องแมวสามสี) 16 Woljeongri Beach 17 Gimnyeong Beach 18 Check inn Hotel Jeju 19 Dongmun Market 20 Chilsungro Shopping Town 21 Black Pork Street
จริง ๆ เค้ามีทัวร์เที่ยวเกาะเชจูด้วยนะ ใครอยากไปสอบถามกับ True World Travel ได้เลย เป็นทัวร์เจ้าเดียวที่มีบินตรงจากกทม. > เกาะเชจู พาไปเที่ยวสถานทีไฮไลท์ของเกาะเชจู เค้ามีแพลนเที่ยวหลายแบบ หลายวัน เลือกตามที่เหมาะกับเราได้เลยจ้า ลองเข้าไปสอบถามดูน้า
Day 1
เริ่มต้นการเดินทางไฟล์ทบินเรามาถึงเกาะเชจูกันตอน 10 โมงเช้าค่ะ รับรถแล้วก็ขับมาเช็คอินเข้าที่พักคืนแรกกันเลย Uni Hotel Aewol Jeju ที่พักคืนแรกเราอยู่ที่ย่านหาดเอวอน
แอบงีบกีนช่วงกลางวันให้หายเหนื่อย ตอนเย็นออมนัทขับรถมาที่ Hagalbi Black Pork BBQ เป็นร้านหมูดำย่าง ริมทะเลหาดเอวอน หน้าหาดตรงนี้จะมีคาเฟ่ ร้านอาหารเรียงรายอยู่ริมทะเลเยอะมากค่ะ แนะนำมาช่วงเย็น ๆ จะได้นั่งกินพร้อมกับดูวิวพระอาทิตย์ตกสวย ๆ แบบนี้
มาถึงเกาะเชจู มื้อแรกก็ต้องจัดเป็น หมูดำย่าง หน่อยค่า ของขึ้นชื่อเลยนะ หมูดำจะมีเพียงแค่ในเกาะเชจูเท่านั้นค่ะ บรรยากาศดีแต่ราคาสูงใช้ได้เลยค่ะ มื้อนี้ออมนัทสั่งเป็น เนื้อหมูดำ 5 ชั้น 2 แพ๊ค, คอหมูดำ 1 เครื่องดื่มนิดหน่อย [ รวม 118,750 วอน ประมาณ 3,000 บาท ]
พระอาทิตย์ตกสวยมากค่ะเย็นนี้ เป็นการจบวันแรกได้อย่างอิ่มเอมใจสุดๆ
Day 2
เริ่มการเดินทางอย่างจริงจังแล้ว ก่อนที่เราจะขับเลียบหาดต่อไป แวะทานร้านรามยอนเจ้าดังกันที่ Noraba เป็นร้านรามยอนซีฟู้ดเจ้าดังค่ะ ออกรายการในเกาลีเยอะมาก ๆ มาถึงแล้วก็ขอลองหน่อย
วิธีการสั่งอาหารให้เดินไปที่เคาท์เตอร์แล้วเลือกเมนูแล้วจ่ายเงิน แล้วเลือกโต๊ะนั่งได้เลยค่ะ เมนูจะเป็นรามยอนซีฟู้ดสดต่าง ๆ ซึ่งบอกเลยว่าสดมาก ทั้งปลาหมึก 1 ตัว ปู 1 ตัว หอยแมลงภู่ และหอยเป๋าฮื้อยังดิ้น ๆ อยู่ในหม้อเลย เสิร์ฟมาหม้อใหญ่แบบนี้ กินได้ 2 คนเลยนะ สั่งข้าวกล่องมากินคู่กันอร่อยเลยค่า
แนะนำให้มาร้านนี้อีกเสียงค่ะ รามยอนอร่อยเส้นดี น้ำซุปเข้มข้น สั่งระดับความเผ็ดได้ ซีฟู้ดเยอะมาก สดจริง และมีที่นั่งเยอะค่ะ ทั้งในห้องแอร์ outdoor หรือบนชั้นดาดฟ้าแบบนี้
ราคา 17,910 วอน (ประมาณ 470 บาท)
Hyeopjae Beach หาดที่โด่งดังที่สุดในเกาะเชจูเลยค่ะ ชายหาดกว้าง ทรายสีขาว น้ำทะเลใส คนเกาหลีนิยมมาเล่นน้ำทะเลกันมาก
Geumneung Beach ขับมาอีกนิดติดกันก็จะเป็นหาด Geumneung ต้องบอกเลยว่าคนเกาหลีเค้าจริงจังกับการมาชายหาดมากเลยนะ สังเกตุเลยว่าขนอุปกรณ์ ตั้งแคมป์ กันมาแบบจัดเต็ม หาดนี้ก็สามารถมา Camp ground นอนได้อีกด้วย
ออมนัทก็เอาชุดมาเปลี่ยนลงเล่นน้ำกันบ้าง ชิวมากนะ ทะเลเค้าใสเว่อ และขาวเว่อ (อันนี้หมายถึงหนุ่มๆสาว ๆ ที่นี่อะ ฮ่า ๆ )
เย็นนี้ก่อนเข้าที่พักออมนัทมาแวะเส้นถนนเลียบหาด Sinchang Windmill Coastal Road อีกหนึ่งจุดเช็คอินที่ห้ามพลาด มาเดินเล่น ชมวิวทะเลกันที่นี่ได้เลย พระอาทิตย์ตก บรรยากาศดีมาก มากๆๆๆๆ ยิ่งช่วงเย็นอากาศกำลังสบาย ดีสุดๆ
หามุมนั่งชิว ถ่ายรูปกันจนพระอาทิตย์หมดเลยค่ะ
ที่นี่พระอาทิตย์จะตกประมาณ 2 ทุ่มเลย
ที่พักคืนที่ 2 ชื่อว่า La Beauty Jeju Pension
Day 3
ขับรถย้อนกลับมาแถวหาด Hyeopjae Beach ค่ะ ออมนัทเสิร์ชเจอร้านอาหารเจ้านึงคือน่ากินมาก เลยตัดสินใจมาลองกันดู
Hyeopjae Meal เป็นร้านเล็ก ๆ ที่อยู่ติดกับชายหาด บรรยากาศดีเหมือนเดิม อาหารแบบกึ่ง ๆเกาหลีปนญี่ปุ่น มีเมนูไม่มากเน้นข้าวปั้นหน้าซีฟู๊ดต่าง ๆ
และนี่คือสิ่งที่ดึงดูดเรามาร้านนี้ค่ะ คือซูชิแถวยาวเบอร์นี้เลย ด้านบนเป็นหอยเป๋าฮื้อ และแถวล่างคือปลาดาบ อิ่มแบบจุก ๆ ไปเลยมื้อนี้
Innisfree House Jeju มาถึงเกาะเชจูก็ต้องไปไร่ชาเขียวค่ะ บริเวณจะเป็นที่ปลูกชาขนาดใหญ่ที่สุดของเกาะ ออมนัทเลือกมาที่คาเฟ่ของ Innisfree มาช้อปปิ้ง skincare ตัวดังสักหน่อย มุมนี้ก็อยู่บริเวณคาเฟ่เลยน้า
เดินเข้ามาในคาเฟ่ มีเมนูเยอะมากค่ะ เลือกชิมตามชอบได้เลย ออมนัทลองสั่งเป็นเค้กชาเขียวรูปภูเขาฮอลัดซาน น้ำส้มจากเกาะเชจู และครีมชีสงาดำรูปหินภูเขาไฟนั่นเอง ทั้งหมดนี้ 23,800 won (ประมาณ 650 บาท)
ที่พักคืนที่ 3 ของเรา Square Bay ขอเล่าก่อนว่าเป็นที่พักที่ติดต่อยากมาก เพราะว่าคนเกาหลีเค้าจะชอบพักกันแบบ Pension (บ้านหลัง ห้องพักชิค ๆ ต่าง ๆ ) ซึ่งที่พักเหล่านี้เนี่ยเค้าก็จะมีช่องทางการจองเฉพาะของเค้า (ที่มีแต่ภาษาเกาหลีเท่านั้น) แต่ด้วยความที่ออมนัทอยากหาที่พักสวย ๆ สักคืน เปิดดู instagram เจอที่นี่ เลยกดเข้าไปที่ลิ้งค์เปิดกูเกิลแปลภาษาช่วยชีวิตในการเข้าไปถึงช่องทางติดต่อจนไปเจอการคุยผ่าน kakao talk เลยได้คุยกับเจ้าของโดยตรง ซึ่งก็ต้องใช้แปลภาษาคุยกับเค้า จนจองได้ โดยต้องจองผ่านการโอนเงินต่างประเทศนะทุกคน ขอข้อมูล bank ของเค้าให้ครบ (ค่อย ๆ ทำตามขั้นตอน) ในที่สุดก็จองได้และได้พักสมใจอยาก ฮ่า ๆ
ที่นี่มีทั้งหมด 8 ห้องเท่านั้น ซึ่งไม่มี lobby นะ จะเข้าพักจะส่งรหัสเข้าประตูให้เราหมดทุกอย่างผ่าน kakao talk ห้องนี้เบอร์ 203 คืนละ 230,000 won (6,150 บาท) ราคาแต่ละช่วงไม่เท่ากันนะ
ช่วงเย็นนี้เราเลยนั่งชิวอยู่ที่พักชมวิวพระอาทิตย์ตกได้จากในห้องเลย
Day 4
วันนี้เราขับรถยาวหน่อย จากฝั่งซ้ายสุด ไปจนถึงฝั่งขวาสุดของเกาะ จะใช้เวลาประมาณเกือบ 4 ชั่วโมงค่ะ คืนนี้เราพักที่โรงแรม Brownsuites Jeju
ร้าน 목화휴게소 มีคนเกาหลีแนะนำมาให้ไปลองทานปลาหมึกย่างริมทะเล เค้าจะนำปลาหมึกไปย่างบนหินภูเขาไฟแบบนี้เลย
ตัวใหญ่มาก สั่งมาตัวเดียวก็กินได้สองคนละค่ะ ตัวละ 6,000 won (160 บาท)
เดินถ่ายรูปรัว ๆ เลย ปลาหมึกตัวใหญ่จริง ๆ แต่ถามว่าอร่อยมากมั้ย ก็ปกตินะ ปลาหมึกเค้าจะเนื้อแน่น ๆ ใครจะมาทานก็แนะนำเอาน้ำจิ้มซีฟู้ดมาด้วยจะดีมากค่ะ เพราะน้ำจิ้มที่เค้าให้มาคือ ketup และมายองเนส ซึ่งไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่
กิมมิคของที่ร้านคือปลาหมึกที่ตากเรียงรายเต็มราวริมทะเลแบบนี้ เราก็จะได้นั่งทานปลาหมึกย่างไปชมวิวไป เก๋ดี
กลับเข้าที่พักแล้วออกมาโซนแหลม Seopjikoji กันค่ะ เราจะมาเดินเล่นชมวิว กินบรรยากาศกันแถวนี้ ที่จริง seopjikoji coast walk ทั้งแหลมนี้สามารถเดินเล่นได้ทั้งหมดเลยนะกว้างมาก จะมีทั้งโรงแรมหรู สถานที่ที่มีชื่อเสียงอย่าง seopjikoji lighthouse, Jeju Aquarium หรือคาเฟ่ชื่อดังอย่าง Mint Cafe ที่เรากำลังจะพาเพื่อน ๆ ไปกัน
Mint Cafe (Seopjikoji) แนะนำให้มาจอดตรงฝั่งซ้ายของแหลมนี้นะคะ ตรงทางแยกที่เข้าสู่อควาเรียมเราก็ขับชิดซ้ายตรงมาเรื่อยๆจนสุดทางเลย สามารถเดินขึ้นไปคาเฟ่ได้ใกล้ที่สุด
ระหว่างทางเดินไปคาเฟ่ก็ชมวิวไปเรื่อยๆ มีน้องม้ามาเล็มหญ้ากันตามทาง
และนี่คือไฮไลท์ของคาเฟ่ Mint Cafe ค่ะ นอกจากบริเวณคาเฟ่กระจกที่สามารถนั่งชมวิวมุมสูงได้แล้ว ตรงมุมชิงช้าตรงนี้ก็สวยมากๆเลยค่ะ มองเห็นภูเขาไฟซองซาน Seongsan Ilchulbong ขนาดใหญ่แบบนี้เลย
Day 5
วันนี้เราจะขับเข้าตัวเมืองเชจูกันค่ะ ระหว่างทางก็จะขับเส้นเลียบชายหาดไปเรื่อย ๆ มื้อเที่ยงนี้อีกหนึ่งเมนูที่ห้ามพลาดเมื่อมาเกาะเชจูนั่นก็คือปลาดาบย่างนั่นเองค่ะ เนื้อนุ่มมาก หอมมาก ทานหมดเกลี้ยงทั้งตัวเลยค่ะ
Kapeli Cafe ปักหมุดไปคาเฟ่น้องแมวดำกัน ทนต่อความน่ารักของคาเฟ่ที่มีน้องแมวเป็นพระเอกหลักของร้านแบบนี้ไม่ไหว ต้องแวะมาก่อนเข้าเมืองเชจูกันวันนี้ค่ะ
จากเป็นคนไม่ค่อยเข้าคาเฟ่นักตอนอยู่ไทย พอมาเกาหลีไม่เข้าไม่ได้เลย แต่ละร้านตกแต่งน่ารักมาก มี concept, mood tone ดีทุกร้านเลย
ย่านคาเฟ่แถวนี้ที่ออมนัทมาเค้าจะโด่งดังในเรื่องของแครอทค่ะ เมนูส่วนใหญ่ทำจากแครอท ร้านนี้ขนมโฮมเมดด้วย อร่อยมาก
และนี้คือเจ้าของร้านค่ะ เดินมาโชว์ตอนที่เรากำลังออกจากร้านพอดี ตุ้ยน่ารักมาก
Jejunyang Cafe ไปต่ออีกร้านที่ทาสแมวห้ามพลาด อยู่ตรงข้ามกับคาเฟ่เมื่อกี้ คือคาเฟ่น้องแมวสามสีนั่นเอง
ภายในร้านก็จะตกแต่งเป็นโทนสีเหลืองครีม ในเข้ากัสีของน้องแมวสามสี แต่โชคไม่เข้าข้างไปเดินตามหาเจ้าของร้านตัวจริงไม่เจอ ในร้านมีของขายน่ารักปุ๊กปิ๊กเต็มไปหมด ทางเราก็ช้อปเลยค่ะเพราะออมนัทมีเจ้านายเป็นแมวสามสี
Woljeongri Beach เป็นหาดฝั่งพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ ทางฝั่งนี้ก็มีหาดโด่งดังถึง 3 ที่ ซึ่งจริงๆทุกๆมุมของเกาะสามารถตั้งแคมป์นอนชิวริมหาดได้ทั้งเกาะ มุมนี้หาไม่ยาก เห็นเจ้ากังหันลมที่ตั้งเดี่ยวๆอยู่ติดหาดถือว่าใช่ จอดรถตรงนั้นแล้วเดินลงมาถ่ายได้เลยนะ
Gimnyeong Beach ขับเลียบหาดต่อมาเรื่อย ๆ ก็จะเจออีกหาดที่ชายหาดสีขาวน้ำทะเลาน่าเล่นสุดค่ะ
คนเกาหลีคือสู้ไม่ถอยมากกับการมาชายหาด เห็นเลยอะว่าแต่ละหาดที่ออมนัทไป คนเยอะมากตั้งแต่เช้าถึงเย็นเลยค่ะ เค้านิยมตั้งเต็นท์ริมหาด ปักหลักกันทั้งวัน ทะเลดีแบบนี้ก็น่ามานั่งแช่จริง ๆ แหละ
กลับเข้าถึงตัวเมืองเชจูในช่วงเย็นค่ะ เก็บของเข้าโรงแรม แล้วมาเดินเล่นกันแถว Chilsungro Shopping Town ค่ะ ย่านช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดใจกลางเมือง ใครสายช้อปก็มาเลย ละลายเงินในกระเป๋าได้ดีสุด ๆ แถวนี้ก็สามารถเดินไปตลาดงมุนได้นะ
Black Pork Street คืนนี้มื้อสุดท้ายก่อนกลับไทย หมูย่างคือคำตอบค่ะ นี่คือถนนที่เต็มไปด้วยร้านหมูดำย่างอันขึ้นชื่อเรียงรายเต็มไปหมด เลือกกินได้เลยค่ะอิ่มจุก ๆ นอนหลับฝันดีแน่นอน
เกาะเชจูครั้งที่สองของออมนัทครั้งนี้ประทับใจ เวลาแต่ละวันหมดไปเร็วสุด ครั้งแรกเมื่อก่อนโควิดเรามากันช่วงฤดูหนาวที่นี่ก็จะเต็มไปด้วยหิมะ ส่วนครั้งนี้มาช่วงซัมเมอร์ แดดดี ไม่มีฝน ทะเลสีฟ้าสด เที่ยวสบายมาก และเชื่อว่าจะกลับมาอีกแน่นอน เพราะยังมีอีกหลายที่ที่ยังไม่ได้ไป เป็นเมืองที่น่ารัก เต็มอิ่มกับธรรมชาติ ไม่วุ่นวายเท่าตัวเมือง ใครที่ชอบเสพธรรมชาติแบบออมนัทก็ตามรอยมาได้เลยน้า ความน่ารักของเกาะเชจูแบบนี้อยากให้เพื่อน ๆ มาสัมผัสด้วยตัวเอง
Comments