ทริปแห่งปีในฝัน กับ 1 วีคในเมืองแห่งเทพนิยาย “ตุรกี”
ณ ดินแดนสองทวีป ความสวยงามอันหลากหลาย เมืองต่างๆสวยดั่งเทพนิยาย ที่เราฝันไว้มานาน และแล้วความฝันมันก็เป็นจริงสักที ยกให้เป็นทริปโรแมนติกที่สุดแห่งปี ขนาดกลับมาแล้วยังอดหุบยิ้มไม่ได้ทุกทีที่นึกถึง ทั้งผู้คน สภาพอากาศ ตึกรามบ้านช่อง สถาปัตยกรรมต่างๆ บรรยากาศอันแสนจะละมุน ฟรีวีซ่า เที่ยวง่าย และที่สำคัญไม่แพงเลยสักนิด! เป็นประเทศที่ออมนัทกล้าคอมเฟิร์มเลยว่า ‘สักครั้งในชีวิต..ลองไปสัมผัสด้วยตัวเองกันนะ’
เดือนทางเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน-5 ธันวาคม (เที่ยวเต็มๆ 7 วัน) สถานที่ค่อยๆไต่ระดับความพีคขึ้นเรื่อยๆ เปิดมาวันแรกจนถึงวันสุดท้ายยังสวยมากๆเลย Istanbul > Canakkale > Troy > Pergamum > Kusadasi > Pamukkale > Cappadocia อากาศ -2 ถึง 8 องศา
รู้จักตุรกีแบบสั้น ๆ
1 - ประเทศที่มีพื้นที่เชื่อมต่อทั้งทวีปยุโรปและเอเชีย จนได้ฉายาว่า “ดินแดนสองทวีป”
2 - ซึ่งตอนนี้เราต้องเรียกชื่อประเทศว่า Türkiye แล้วนะ ซึ่งอ่านออกเสียงตามนี้ ทูร-คีย์-เย่ หรือจะอ่านรวบ ๆ ก็ ทูร์เคีย ค่ะ
3 - ไม่ต้องทำวีซ่า อยู่ได้ 30 วัน
4 - ค่าเงินของตุรกีคือ “ลีรา” 1 บาท=1.14TRY
5 - เวลาช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง
6 - มี 4 ฤดู
ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน – พฤษภาคม)
ฤดูร้อน (มิถุนายน – กันยายน)
ฤดูใบไม้ร่วง (กลางกันยายน –ตุลาคม)
ฤดูหนาว (พฤศจิกายน – มีนาคม)
7 - ค่าครองชีพไม่แพง (น้ำเปล่าประมาณ 5.-)
8 - สายโซเชียลสามารถซื้อซิมที่ไทย หรือเปิดโรมมิ่งจากไทยได้เลยค่ะ เน็ตถึงเล่นได้
9 - ที่เที่ยวหลัก ๆ ก็จะมีเมืองอิสตันบูล / แคปปาโดเซีย ที่สามารถบินภายในประเทศได้ ที่เที่ยวอื่น ๆ เช่น ปามุกคาเล่ หรือเมืองต่าง ๆ ก็สามารถขับรถเที่ยวต่อได้ (ห่างกันหน่อยนะ)
10 - และด้วยความว่าที่นี่เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมสวยงามหลากหลาย แต่ละเมืองก็จะมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป
11 - แพลนทริปสัก 4 วันขึ้นไปให้มีเวลาไปขึ้นบอลลูนที่เมือง cappadocia ด้วยน้า กิจกรรม Must do สวยแบบภาพในฝันเลยค่ะ
12 - ผู้คนส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้
13 - อาหารค่อนข้างทานได้ เน้นไก่ ปลา เนื้อ ข้าวมี
14 - แนะนำพกน้ำพริก น้ำจิ้มซีฟู๊ด ซอสต่าง ๆ ไปจิ้ม ช่วยได้เยอะ
15 - ข้อนี่ชอบที่สุด ตุรกีมีแมวเยอะมาก น้องตัวอ้วน ๆ ขนปุย ให้จับทุกตัว อ้อนเก่ง ถูเก่งทุกตัว ยั้วเยี้ยเต็มเมืองทุกที่ ใครเป็นทาสแมว แค่บินมาที่นี่มาเล่นแมวก็แฮปปี้แล้ว
การเดินทาง - สายการบิน Turkish Airlines บินตรง 10 ชม.
การเดินทางในตุรกี - ทริปนี้ออมนัทไปกับทัวร์ค่ะ Roadtrip ตามรูทที่เขียนไว้ด้านบน แต่ที่ตุรกีจะสามารถขับรถเที่ยวเองได้ รถเช่าราคาไม่แพงค่ะ แนะนำบิน Domestic Flight เมือง Istanbul <—> Cappadocia ได้ แล้วค่อยขับรถไปเที่ยวเมืองต่างๆแทน - ในเมืองอิสตันบูล สามารถเรียก Taxi หรือ Uber ได้ค่ะ
ค่าใช้จ่าย **ออมนัทไปกับทัวร์ค่ะ แต่จะคำนวณคร่าวๆให้ได้คือ - ที่พักเมืองต่างๆคืนละ 700-3,000 - ที่พักเมือง Cappadocia ตกคืนละ 1,000-5,000 บาท (แล้วแต่ที่) - ค่าขึ้นบอลลูน คนละ 150USD - ค่าเช่ารถ Classic Car ถ่ายรูปพร้อมคนขับ คันละ 150USD (สุงสูด 4 คน) สามารถขอเช่าได้ที่โรงแรม หรือเดินเลือกเอาได้เลยมีเยอะมาก - ค่าจิ๊บทัวร์คนละ 1,000-3,000 บาท (แล้วแต่เส้นทางที่เราเลือก) - ค่าขึ้นไปถ่ายรูป Kubbe(ดาดฟ้านก) คนละ 100TRY - ค่ากิน/ใช้จ่ายทั่วไป 5,000 บาท
เอาล่ะ..ออมนัทบอกละเอียดยิบย่อยให้ทุกคนตามรอยได้ง่ายๆเลย Location ต่างๆจะบอกชื่อไว้ให้ แล้วจิ้มในกูเกิลแมพ ไปถ่ายตามได้เลยค่ะ เรื่องค่าใช้จ่ายบอกเลยว่าไม่แพงจริงๆ ประเทศนี้คือคุ้มค่าที่จะไปแน่นอน พร้อมแล้วไปเที่ยวตุรกีพร้อมกันเลยจ้า!!
Day 2 - Istanbul
**ขอข้ามวันแรกไปเลยนะทุกคน เนื่องจากวันแรกเราเดินทางกันจนถึง IStanbul ตอนเย็นแล้วเข้าที่พักเลย
วาร์ปมาวันที่สองเลยค่ะ เช้านี้มาเริ่มเที่ยวกันที่เมือง Istanbul พระราชวังโดลบามาห์เช Dolmabahce Palace สร้างด้วยหินอ่อน ใช้ระยะเวลาสร้างถึง 30 ปีเลยทีเดียว เป็นศิลปะแบบตะวันออกผสมผสานกับตะวันตก อยู่ริมายฝั่งทะเลมาร์มาราในช่องแคบบอสฟอรัสที่อยู่ฝั่งยุโรป ภายในพระราชวังมีโคมไฟแชนเดอเลียร์ที่มีชื่อเสียงมากๆ ที่ทำจากแก้วคริสทัลขนาดใหญ่ที่สุดในโลกถึง 5,000 กิโลกรัม / พรมราคาแพงที่สุดในโลก / บันไดที่ทำจากไม้สักของไทยสวยมากๆ เรียกว่ารวบรวมนำของที่ดีที่สุดทั่วโลกมารวมไว้ในพระราชวังเลยค่ะ เสียดายมากที่ภายในไม่สามารถถ่ายรูปมาฝากได้
ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส Bosphuorus ที่เป็นช่องแคบเชื่อมทะเลดำ เข้ากับทะเลมาร์มารา ถือว่าช่องแคบนี้เป็นจุดพบกันของสุดขอบทวีปยุโรปและทวีปเอเชียเลยค่ะ
กลับขึ้นฝั่งมาเดินตลาด Spice Market ที่เราสามารถซื้อของฝากต่าง ๆ ได้ที่นี่ โดยเฉพาะขนม Turkish Delight ต้องลองชิมดูค่ะ อร่อยดี
Suleymaniye Mosque
มัสยิดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอิสตันบูลรองจากฮาเยียโซเฟีย เห็นชื่อเรียกยากแต่ความจริงมีความเชื่อมโยงกับคำว่า "สุลัยมาน" หรือ "โซโลมอน" มัสยิดแห่งนี้สร้างตามพระบรมราชโองการของสุลต่านสุลัยมานแห่งจักรวรรดิออตโตมัน เป็นสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม สะท้อนการที่จักรวรรดิออตโตมัน พิชิตจักรวรรดิไบแซนไทน์ได้ การที่เป็นต้นแบบของมัสยิดในแบบมุสลิม อาจมีส่วนให้มัสยิดอื่นที่สร้างตามหลังมีความอลังกว่า ประดับประดาหรูหรากว่า อย่างเช่นบลูมอสก์ ทำให้โปรแกรมทัวร์จะพาไปชมที่อื่นสะมากกว่าค่ะ
นอกนี้ยังยังสวยงามเป็นอันดับสองของอิสตันบูลรองจากฮาเยียโซเฟียอีกด้วยค่ะ ทั้งเงียบสงบและประทับใจมาก
Kubbe Istanbul
สถานที่สุดฮอต มุมนี้ที่เหล่า Instagrammer ต้องมา!! เป็นดาดฟ้าบนตึกร้าง ที่นี่จะทำเป็นที่จิบชาชมวิวค่ะ ชมวิวเมืองอิสตันบูลได้แบบรอบทิศจากบนนี้เลย
ปกติบนดาดฟ้านี้จะมีซุ้มที่นั่งให้นะ แต่ตอนที่ออมนัทไปลมแรง เลยไม่มีพรมไม่มีน้ำชาให้จิบเหมือนที่เห็นในรูปคนอื่นๆ แต่เอาล่ะ ไหนๆไปแล้วก็ขอถ่ายไว้สะหน่อยก็แล้วกัน
**ค่าเข้า 100 ลีร่า ต่อคน (ประมาณ 500 กว่าบาท) ราคานี้คือมีชา/กาแฟ ขนมเสิร์ฟ และจะนั่งนานแค่ไหนก็ได้
ตรงนี้เป็นมุมฝั่งซ้ายค่ะ ที่จริงมาได้ทั้งวันค่ะ แสงท้องฟ้าก็จะสวยต่างกัน ภาพนี้ออมนัทมาช่วงเย็น พระอาทิตย์ตกดินพอดี แสงสีละมุนเลย
Day 3 - Istanbul > Canakale
วันนี้จะใช้เวลาเดินทางกันยาวหน่อยค่ะ จากเมืองอิสตันบูลไปเมืองชานัคคาเล่ ระยะทางประมาณ 310 กิโลเมตร โดยสามารถนำรถขึ้นเรือข้ามฝากได้ด้วยนะคะ
Troy Ancient Site
ช่วงบ่ายเรามาถึงเมืองทรอย เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงมากแต่ในอดีต สร้างมากว่า 4,000 ปีมาแล้ว ม้าเมืองทรอย คือสัญลักษณ์ที่แสดงความฉลาดด้านกลศึกของนักรบโบราณ ที่เป็นสาเหตุทำให้เมืองทรอยต้องแตกนั่นเองค่ะ
ช่วงเย็นบรรยากาศดีมาก ๆ ค่ะ นั่งเล่นชมวิว เผลอๆมีน้องแมวมานั่งด้วยนะ ออมนัทลืมบอกเลยว่าใครเป็นทาสแมวแล้วละก็ ตกหลงตุรกีอย่างหนักหน่วงแน่ๆ เพราะประเทศนี้จะหันไปทางไหนก็เจอน้องแมวอ้วนยั้วเยี้ยไปหมดทุกที่
และม้าอีกตัวหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงให้ที่นี่ก็คือ ม้าที่อยู่ในภาพยนตร์ระดับฮอลลิวูล เรื่อง Troy ตัวนี้นั่นเอง
Day 4 - Canakkale > Pergamum > Kusadasi
เช้านี้เดินทางกันต่อที่เมืองเปอกามัม ไปชมวิหารอะโครโปลิส Acropolis ที่ประหนึ่งเป็นเหมือนดินแดนในเทพนิยาย โดยซึ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงของที่นี่คือโรงละครที่ชันที่สุดในโลกนั่นเอง
Day 5 - Ephesus > Pamukkela
เช้านี้เราไปชมเมืองเอฟฟิซุส City of Ephesus เป็นเมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้อย่างดี เคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนกจากกรีกที่อพยพมาปักหลักสร้างเมือง โดยเป็นศิลปะแบบเฮเลนนิสติคที่มีความอ่อนหวานและประณีตมากๆค่ะ
อย่างที่บอก ไม่ว่าจะไปมุมไหน น้องแมวอ้วงก็มีเต็มไปหมด แถมทุกตัวขี้อ้อน อ้อนเก่งกว่าแมวที่บ้านอีก ตัวนุ่มขนปุยทุกตัว จับได้หมดเลยค่ะ ทำเอาออมนัทเสียเวลาเล่นกับน้อง ๆ ไปมากกว่าการถ่ายรูปสะอีก
ประตูวิหารยังสมบูรณ์อยู่เลยค่ะ เป็นหินอ่อนแกะแบบประณีตบรรจง และก็แถมน้องแมวอีกหนึ่งตัวอีกแล้ว ใครอยากไปถ่ายรูปแบบไม่มีคน แนะนำไปช่วงเช้าเลยค่ะ ถ่ายรูปสบาย ๆ
Hierapolis , Pamukkale
ที่เมือง Pamukkale มีเมืองโบราณที่ชื่อว่า Hierapolis ในอดีตเป็นสถานที่บำบัดโรค แต่เกิดแผนดินไหวบ่อยครั้งจึงไม่มีคนอาศัยอยู่อีก
Cotton Castle Pamukkale
ลงมาจากโรงละครที่นี่คืออีกหนึ่งไฮไลท์ของทริป เรียกง่าย ๆ ว่า ปราสาทปุยฝ้าย สีขาวนวลขนาดใหญ่ เป็นเมืองแพ่งน้ำพุเกลือแร่ร้อน
Day 6 - Pamukkale > Cappadocia
วันนี้เราใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานค่ะจากเมืองปามุคคัลเล่ ไปถึงเมืองคัปปาโดเกียทั้งหมดประมาณ 10 ชั่วโมงได้ เลยถึงโรงแรมค่อนข้างช้า วันนี้เราเลยเก็บของเข้าห้อง แล้วไปทานอาหารเย็นพร้อมดูโชว์ค่ะ
**โรงแรมที่ออมนัทพักในเมือง Cappadocia คือ Anatolian Houses Hotel คืนละประมาณ 2,400.-
โรงแรมที่เมือง Capdocia จะเป็นสไตล์โรงแรมในถ้ำค่ะ บรรยากาศประมาณนี้เลย โรแมนติกมาก คืนนี้เรารีบเข้านอนค่ะ เช้าวันพรุ่งนี้มีนัด 6 โมงเช้า เป็นอีกไฮไลท์หนึ่งของทริปนี้ที่ออมนัทตั้งตารอเลยค่ะ
ก่อนนอนขอเล่าถึงเมืองที่ได้ชื่อว่า ดินแดนเทพนิยายกันก่อน Cappadocia ในอดีตมีกระแสลาวาภูเขาไฟที่ไหลออกมาปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง แล้วทับถมเป็นเวลาหลายล้านปี ด้วยการกระทำของธรรมาติ โดยการกัดเซาะของลม พายุ ฝน หิมะ และกาลเวลา จึงทำให้ดินแดนคัปปาโดเกียออกมาได้สวย งดงาม แปลกตา เหมือนสวรรค์ หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่าดินแดนปล่องนางฟ้า (Fairy Chimney) และยังได้รับแต่งตั้งเป็นเมืองมรกดโลกทางธรรมชาติจากยูเนสโกอีกด้วย
Day 7 - Cappadocia
Good Morning From Fairy City ค่ะ เวลานี้แหละคือสิ่งที่ออมนัทใฝ่ฝันที่จะได้มาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งในชีวิต กับเมืองแห่งเทพนิยาย สวย ละมุน และน่าทึ่งตามที่ใคร ๆ เค้าพูดกันจริง ๆ เช้านี้อุณหภูมิอยู่ที่ -2 องศาค่ะ หนาวมากทีเดียว ใครมาที่เมืองนี้ สิ่งที่ Mustdo เลยคือ การขึ้นบอลลูน เพราะถือเป็นสถานที่ Bucketlist ที่ควรทำสักครั้งเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงค่ะ
แต่เนื่องจากทริปนี้เรามีเพียงเช้าเดียวที่อยู่เมืองคัปปาโดเกีย ออมนัทเลยขอเลือกที่จะเช่ารถ Classic Car มารอถ่ายรูปกับบอลลูนนับพัน ตามภาพที่ใฝ่ฝันอยากจะถ่ายรูปให้ได้นั่นเอง ค่าเช่ารถ 150USD (2 ชม. พร้อมคนขับค่ะ) ใครอยากเช่ารถ หรือขึ้นบอลลูนก็สามารถจองได้จากโรงแรม หรือเดินหาได้เลยค่ะ มีให้เลือกเยอะค่ะ (แต่ควรจองล่วงหน้าด้วยนะ)
ทุกคนดูฉากหลัง ปล่องนางฟ้า และบอลลูนที่ลอยอยู่บนฟ้าจนนับไม่ถ้วน พร้อมด้วยแสงพระอาทิตย์ขึ้นในเช้าวันนี้ ออมนัทว่าถ้าใครได้มาอยู่ตรงนี้ต้องพูดเหมือนกันแน่ๆว่า "มันเป็นโมเมนท์ที่โคตรจะพิเศษที่สุดในชีวิตเลยค่ะ"
และสำหรับสายถ่ายรูปอย่างออมนัท ไม่รู้ว่ากดชัตเตอร์กันไปเท่าไหร่แล้ว ถ่ายรูปสนุกมากจริง ๆ และรถ Classic Car ที่แสนจะเข้ากับบรรยากาศแบบนี้ เพลิดเพลินจนลืมเวลาไปเลย
สายแล้วกลับมาที่พักกันค่ะ นี่คือบรรยากาศห้องพักในช่วงเช้าค่ะ เรานอนในถ้ำกันนะ ภายในห้องอุ่นแบบไม่ต้องเปิดฮีตเตอร์เลย
Galeri Ikman
อีกหนึ่งจุดที่มาถึงคัปปาโดเกียแล้วต้องมาถ่ายรูปให้ได้คือ ร้านพรมสุดโด่งดังในโลกโซเชี่ยล “Galeri Ikman” เป็นร้านพรมที่จัดร้านได้เวอร์วังอลังการ เพื่อการถ่ายรูปโดยเฉพาะ
**ค่าเข้าไปถ่ายรูปคนละประมาณ 300 บาท หรืออยากถ่ายมุมโดรนก็มีอีกราคาค่ะ
บรรยากาศในร้านขายพรม Galeri Ikman ค่ะ
ซึ่งบอกเลยว่าเจ้าของร้านเป็นช่างภาพแฟชั่นเก่าจ่ะ เข้าใจคนมาที่นี่เป็นที่สุดอยากจะถ่ายนานแค่ไหนก็ได้ตามสบาย เอาให้จุใจ เผลอๆเจ้าของจะถ่ายให้เราสะเองด้วยนะ ซึ่งออมนัทเห็นแบบนี้แล้วก็คิดว่าพี่เค้าอาจจะไม่จำเป็นต้องขายพรมแล้วนะ เก็บค่าถ่ายรูปอย่างเดียวน่าจะปังเลยล่ะค่ะ เพราะคนเข้ามาถ่ายรูปกันเรื่อย ๆ ทั้งวันจริง ๆ
Uçhisar
เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ๆกับเมือง Goreme จุดถ่ายรูปวิวเมืองที่ออมนัทถ่าย อยู่ภายในโรงแรม Argos Hotel น้า ใครจะตามก็เสริ google map แล้วไปเลย จอดรถได้ เดินเข้าไปถ่ายได้ค่ะ พอดีหน้าโรงแรมให้มองไปทางฝั่งซ้ายสุด เดินเข้าไปสุดทางของจะเจอถ้ำ เดินเข้าไปแล้วมองออกมาก็จะเจอกับวิวนี้ อย่างกับเมืองในหนังการ์ตูนเทพนิยายเลยใช่มั้ยคะ
Goreme , Cappadocia
กิจกกรมสุดท้ายในช่วงเย็นคือ จิ๊บทัวร์ นั่งรถจิ๊บสุดหวาดเสียว ลุ้นระทึกตลอดทาง ให้เราได้สนุกหรืออาจจะกริ๊ดกันเสียงหลงก็ได้ เป็นทัวร์รถจิ๊บพาเราชมเมือง 4 จุด โดยการขับรถของคุณพี่เค้านั้นไม่ธรรมดาจ่ะ ทุกคนจะได้ตื่นเต้นตลอดทางที่พี่เค้าขับแน่นอน ไต่ความสูง กระแทก เด้งดึ๋ง เลาะขอบทาง มันส์สุด ๆ
ตุรกี ภาพในฝัน แต่วันนี้ได้มาถึงแล้ว เวลาความสุขมักจะผ่านไปรวดเร็ว ทุกเมืองมีสเน่ห์ที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ทุกเมือง ไม่ว่าจะฝั่งยุโรปหรือฝั่งเอเชชีย ทำให้เรารู้สึกแปลกตาและตื่นเต้นทุกที่ ได้เจอวิวสวย ๆ ทุกวัน บรรยากาศดี ๆ ทุกวัน ประเทศที่มีทั้งภูเขา ทะเล หิมะ ประเทศที่มีประวัติศาสตร์เนิ่นนาน ได้เดินชมบ้านเมืองตึกรามบ้านช่อง และซากอารยธรรมโบราณต่าง ๆ ยิ่งเติมเต็มความรู้สึกใหม่ที่หาไม่ได้ถ้าเราไม่ออกไปพบเจอ
โดยเฉพาะคำพูดที่ได้ยิน ได้อ่านมาทุกคนต่างบอกว่าที่นี่คือเมืองเทพนิยาย พอได้มาสัมผัสจริงก็ยิ่งทวีคุณความสวยงามเข้าไปอีก ภาพบอลลูนนับพันลูก ภูมิประเทศที่แปลกตา อากาศที่แสนจะดี ภาพตรงหน้า มันเหมือนชีวิตเราคุ้มค่าที่จะตื่นขึ้นมาพบกับโลกอันสวยงามใบนี้
ทริปนี้ออมนัทยกให้เป็นประเทศที่โรแมนติกและคุ้มค่ามาก ๆ ที่จะได้มา ไม่ต้องขอวีซ่า ค่าใช้จ่ายไม่แพง เที่ยวได้ง่าย ผู้คนน่ารัก ทุกคำที่ออมนัทเขียนลงในรีวิวนี้ เราตั้งใจมากที่สุดที่อยากจะเล่าความ่รู้สึกให้กับทุกคนได้รับรู้ และสามารถเที่ยวตามได้
ขอบคุณที่อ่านรีวิวนี้จนจบนะคะ เจอกันใหม่รีวิวหน้า ติดตามออมนัทได้ทุกช่องทางด้วยน้า #รัก
ความคิดเห็น